พระเจ้าฟรีดริชที่ 2 (
เยอรมัน: Friedrich II.) เป็นเจ้าเยอรมันซึ่งทรงปกครองราชอาณาจักรปรัสเซียระหว่างค.ศ. 1740 ถึง 1786 นับเป็นกษัตริย์ที่ทรงราชย์ยาวนานที่สุดใน
โฮเอินท์ซ็อลเลิร์น ปรัสเซียในรัชสมัยของพระองค์ถือเป็นยุครุ่งโรจน์ พระองค์เป็นผู้ปฏิรูปกองทัพปรัสเซียใหม่และได้รับชัยชนะในสงครามหลายครั้ง นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นองค์อุปถัมภ์แห่งวงการศิลปะและ
ยุคเรืองปัญญา พระองค์ร่วมมือกับ
บริเตนใหญ่และได้รับชัยชนะเหนือมหาอำนาจคู่แข่งใน
สงครามเจ็ดปี นำมาซึ่งการเปลี่ยนดุลอำนาจครั้งใหญ่ในยุโรป ต่อมาในปีค.ศ. 1772 พระองค์เลิกใช้พระยศ "กษัตริย์ในปรัสเซีย" (König in Preußen) และเปลี่ยนไปใช้พระยศ "กษัตริย์แห่งปรัสเซีย" (König von Preußen) ซึ่งเป็นผลจากการที่ปรัสเซียได้ผนวกดินแดนมากมาย ความสำเร็จด้านการทหารของพระองค์ทำให้ปรัสเซียผงาดบารมีขึ้นเป็นมหาอำนาจใหม่ในยุโรป และนั่นทำให้พระองค์ได้รับพระสมัญญานามว่า
ฟรีดริชมหาราช (
เยอรมัน: Friedrich der Große) ถือเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติเยอรมันตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เจ้าชายฟรีดริชทรงมีความสนพระทัยทางศิลปะและทรงพยายามหนีจาการควบคุมจากพระบิดาครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ
พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 1 พระราชบิดาทรงเข้มงวดจนได้รับสมญานามว่า "กษัตริย์การทหาร" เจ้าชายฟรีดริชทรงถูกบังคับให้ดูการประหารชีวิตอย่างทารุณของพระสหายที่ทรงรู้จักกันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ดังนั้น เมื่อทรงขึ้นครองราชย์ในปีแรกทรงโจมตี
จักรวรรดิออสเตรียและยึดครองบริเวณ
ไซลีเซีย (อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ
ประเทศโปแลนด์ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นดินแดนยึดครองที่มีส่วนสำคัญในการวางรากฐานในการขยายดินแดนของปรัสเซียและเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่อาณาจักร ในบั้นปลายของชีวิตพระเจ้าฟรีดริชทรงรวมแว่นแคว้นต่าง ๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของปรัสเซียเข้าด้วยกัน รวมถึงดินแดนที่ทรงยึดมาจาก
การแบ่งแยกโปแลนด์พระเจ้าฟรีดริชทรงเป็นผู้สนับสนุนการปกครองระบบที่มีพื้นฐานมาจาก
สมบูรณาญาสิทธิราชย์อันทรงภูมิธรรม ทรงติดต่อสื่อสารกับนักปรัชญา
วอลแตร์เป็นเวลากว่าห้าสิบปีและมีความสนิทสนมกันมาก แต่ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งโดยตลอด พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ๆ คือการปรับปรุงระบบการบริหารราชการและข้าราชการ และยังทรงสนับสนุนเสรีในการนับถือศาสนา ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปินและนักปรัชญา เมื่อสิ้นพระชนม์ร่างของพระองค์ถูกฝังอยู่ที่พระราชวังที่โปรดปรานที่
พระราชวังซ็องซูซีที่เมือง
พ็อทซ์ดัม ภายหลังการสวรรคต บัลลังก์ตกไปเป็นของ
พระเจ้าฟรีดริช วิลเฮ็ล์มที่ 2 ผู้มีศักด์เป็นหลานลุง เนื่องจากพระองค์เองไม่มีพระราชโอรส พระเจ้าฟรีดริชถือเป็นแบบอย่างของ
ฮิตเลอร์[1] ฮิตเลอร์เทิดทูนพระองค์มากและมักนำตัวเองไปเปรียบกับพระเจ้าฟรีดริชอยู่เสมอ ฮิตเลอร์นำพระรูปเหมือนที่วาดโดยอันโทน กราฟ แขวนไว้ในห้องที่
ฟือเรอร์บุงเคอร์[1] ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง ฮิตเลอร์เคยเหม่อมองพระรูปอย่างอาวรณ์ตามบันทึกของ
โรคุส มิสช์[2]